4 ประเด็นร้อน “ลิเวอร์พูล” บุกถล่มคาถิ่น “เวสต์แฮม” 31/01/2021

4 ประเด็นร้อน “ลิเวอร์พูล” บุกถล่มคาถิ่น “เวสต์แฮม” 31/01/2021

 

4 ประเด็นร้อน "ลิเวอร์พูล" บุกถล่มคาถิ่น "เวสต์แฮม" 31/01/2021

 

 

1. รูปแบบเกม

เปิดสนามครึ่งแรก รูปเกมของ หงส์แดง ทำได้ดีพอสมควร พยายามหาทางเจาะแนวรับคู่แข่ง นาทีที่ 5 ติอาโก จ่ายบอลทะลุไปให้ โอริกี ยิงด้วยซ้ายเต็มข้อ บอลหลุดเสาแรกออกไป จากนั้นนาทีที่ 23 ติอาโก เจ้าเก่าตักบอลเข้าเขตโทษให้ ซาลาห์ โหม่งหลุดกรอบไปไม่เยอะ และถึงนาทีที่ 24 เวสต์แฮม เกือบได้เฮ

จากจังหวะที่ ฟอร์นัลส์ ซัดด้วยขวาในเขตโทษ บอลไปแฉลบ มิลเนอร์ ก่อนที่ โรเบิร์ตสัน จะโหม่งสกัดทิ้งออกไปได้ และก่อนหมดครึ่งแรก นาทีที่ 45 ติอาโก จ่ายให้ โอริกี ชาร์จหลุดเสาแรกออกไป ทำให้ 45 นาทีแรกทั้ง 2 ทีม ยังเสมอกันอยู่ 0-0

เปิดสนามครึ่งหลัง ในช่วง 10 นาทีแรก ลิเวอร์พูล ได้ลุ้น 2 หนติด ๆ จาก ซาลาห์ และ โอริกี แต่ก็ไปติดบล็อกและหลุดเสาแรกตามลำดับ จากนั้นนาทีที่ 56 หงส์แดง เกือบโดน เมื่อ มิคาอิล อันโตนิโอ ปั่นด้วยขวาในเขตโทษ

บอลหลุดเสาไปไม่ถึงคืบ กระทั่งนาทีที่ 57 ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ 1-0 จนได้ จากจังหวะที่ โจนส์ จ่ายให้ ซาลาห์ ปั่นด้วยซ้ายเข้าไป และในนาทีที่ 68 ลิเวอร์พูล

หนีเป็น 2-0 จากจังหวะโต้กลับเร็ว อาร์โนลด์ วางบอลยาวขึ้นมาทางซ้ายให้ ชาคิรี เปิดโด่งเข้าเขตโทษให้ ซาลาห์ เอาบอลลงอย่างสวย ก่อนดีดเข้าไปตุงตาข่าย จากนั้นนาทีที่ 84 หงส์หนีเป็น 3-0 เฟอร์มิโน จ่ายให้ ไวจ์นัลดุม ยิงเข้าไป แต่ก่อนจบเกม นาทีที่ 87 เวสต์แฮม ไล่มาเป็น 1-3 จากจังหวะที่ เครสส์เวลล์ เปิดเตะมุมเข้ามาให้ ดอว์สัน ยิงเข้าไป แล้วก็จบเกม ลิเวอร์พูล บุกมาชนะ เวสต์แฮม 3-1

 

2.3 ตัวสำรองเปลี่ยนเกม

 

ต้องยกนิ้วให้กับ การแก้เกมของ เยอร์เกน คลอปป์ ว่าเฉียบขาดแบบสุด ๆ เพราะขณะที่เกมการแข่งขันดำเนินไปเรื่อย ๆ ดูเหมือนว่านักเตะ ลิเวอร์พูล ไม่สามารถเจาะเข้าไปทำประตูได้เสียที กระทั่งนาทีที่ 57 คลอปป์

เปลี่ยนตัวสำรองคนแรก ส่ง เคอร์ติส โจนส์ ลงมาแทน เจมส์ มิลเนอร์ และเจ้าหนูวัย 20 ปี ก็ใช้เวลาไม่ถึงนาทีในการจ่ายบอลให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ยิงพา ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ 1-0

จากนั้นรูปเกมของ ลิเวอร์พูล เริ่มดีขึ้น และหลังจากได้ประตูที่ 2  นาทีที่ 68 คลอปป์ ก็ส่ง โรแบร์โต เฟอร์มิโน ลงมาแทน เซอร์ดัน ชาคิรี และนาทีที่ 80 ก็ส่ง อเล็กซ์ อ็อกซ์เหลด แชมเบอร์เลน ลงมาแทน ดิวอค โอริกี ซึ่ง เฟอร์มิโน และ แชมเบอร์เลน ก็ไม่ทำให้กัปตันทีม ต้องผิดหวัง หลังจากประสานงานทำชิ่งกันจน เฟอร์มิโน หลุดเข้าเขตโทษฝั่งขวาก่อนปาดเข้ากลางให้ จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม ยิงเข้าไปให้ ลิเวอร์พูล นำห่างเป็น 3-0 นั่นเอง

 

3. ซาลาห์-ฟิลลิปส์ ฟอร์มแจ่ม

เป็นเกมที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ตัวรุกทีมชาติอียิปต์ของหงส์แดง โชว์ฟอร์มได้เด็ดสะระตี่ดีเหลือเกิน แสดงให้เห็นถึงความเวิลด์คลาสแบบสุดๆ เริ่มจากจังหวะที่ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 เขาโชว์สเตปโยกหนีกองหลังก่อนปั่นด้วยซ้ายเข้าไปอย่างสุดสวย รีเพลย์ดูเป็น 10 รอบก็ไม่เบื่อ

จากนั้นประตูที่ 2 ก็ครบเครื่องไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็นการเอาบอลลงอย่างนิ่มนวน ก่อนจะดีดบอลสวนตัวผู้รักษาประตูเข้าไป ขณะที่ นาธาเนียล ฟิลลิปส์ กองหลังดาวรุ่ง ก็เป็นอีกคนที่ฟอร์มเข้าตากรรมการสุดๆ

ในนัดนี้ ลูกกลางอากาศเก็บได้หมด คอยเบียดคอยชนกับตัวโหดของขุนค้อนอย่าง มิคาอิล อันโตนิโอ ได้อย่างไม่เป็นรองมากนัก เรียดได้ว่าถ้าได้รับโอกาสลงสนามอย่างสม่ำเสมอ ก็น่าจะเป็นอีกคนที่ทีมจะสามารถฝากความหวังเอาไว้ได้ในอนาคต

 

4. 3 แต้มสำคัญช่วยลุยล่าแชมป์

 

จากชัยชนะในนัดนี้ทำให้ ลิเวอร์พูล เก็บคะแนนเพิ่มเป็น 40 คะแนน ตามหลัง  แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รองจ่าฝูง แค่ 1 แต้ม และตามหลัง  แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมจ่าฝูง เหลือแค่ 4 คะแนนเท่านั้น เรียกได้ว่าถ้าทั้งสองทีมด้านบนสะดุดกันเมื่อไร อาจจะได้เห็น ลิเวอร์พูลผงาดแซงขึ้นจ่าฝูงอีกครั้งก็เป็นได้ เพราะความมั่นใจของนักเตะ ลิเวอร์พูล เริ่มกลับมาแล้ว

ต้องมารอดูกันต่อไปว่า ลิเวอร์พูล จะสามารถรักษาฟอร์มการเล่นให้สม่ำเสมอไปได้นานแค่ไหน เพราะความคงเส้นคงวา คือสิ่งสำคัญที่สุดที่จะตัดสินได้ว่าสุดท้ายแล้วใครจะก้าวขึ้นไปชูถ้วยแชมป์ได้สำเร็จ

 

4 ประเด็นร้อน “ลิเวอร์พูล” บุกถล่มคาถิ่น “เวสต์แฮม” 31/01/2021

แทงบอลออนไลน์

สมัครเว็บคาสิโนออนไลน์