ราคาที่ต้องจ่าย
โจทย์ยากของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก่อนพาลูกทีมบุกถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด มีเพียบเลยครับ
นอกจากฟอร์มในลีก 5 นัดหลังที่ไม่ชนะใคร และยิงประตูไม่ได้ 4 เกมติดแล้ว สถิติต่างๆ ในถ้วยนี้ กับผลงานการมาเยือนที่นี่ในช่วงยุคสมัยของเขาไม่ค่อยน่าพิสมัยเท่าไหร่
ข้อแรกเลยคือ คล็อปป์ ไม่เคยบุกชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้เลยนับตั้งแต่ตัวเองทำงานที่เกาะอังกฤษ (เสมอ 4 แพ้ 1)
สอง ลิเวอร์พูล ในยุคของ คล็อปป์ มีถึง 4 จาก 5 ครั้งที่ไม่เคยไปไกลกว่ารอบ 4 หรือรอบ 32 ทีมสุดท้าย โดยมีแค่ปีก่อนเท่านั้นที่เข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายก่อนจะแพ้ เชลซี 0-2
และสามจะทำอย่างไรเมื่อไม่มี จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ที่บาดเจ็บ
ซึ่งยังไม่รวมสถิติยอดเยี่ยมของ “ปีศาจแดง” ยามลงเตะที่โรงละครแห่งความฝันในถ้วยใบนี้คือเอาชนะคู่แข่ง 7 นัดหลังสุดแบบคลีนชีตทุกนัด
บนใบรายชื่อผู้เล่นตัวจริง มีการเปลี่ยนแปลงน่าสนใจ รีส วิลเลี่ยมส์ ลงทำหน้าที่แทน โฌแอล มาติป, เจมส์ มิลเนอร์ ถูกส่งลงมาบู๊ตรงแดนกลางร่วมกับ ติอาโก้ กับ จินี่ ไวนัลดุม และ เคอร์ติส โจนส์ ได้โอกาสแทนสลอตของ ซาดิโอ มาเน่
แมนฯ ยูไนเต็ด ในวันที่ไร้ บรูโน่ แฟร์นันเดส เลือกโจมตีทางพื้นที่กราบซ้าย ซึ่งตรงนี้คือบ่อน้ำมันของ ลิเวอร์พูล มาแล้วหลายนัด และยิ่งการที่ เทรนต์-อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ เติมขึ้นสูง ก็ยิ่งมีพื้นที่ให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด เล่นงาน บวกกับเซนเตอร์ฮาล์ฟฝั่งขวา คือ วิลเลี่ยม ก็ยิ่งแล้วกกันไปใหญ่
เกมบุกเจ้าถิ่นดูดีมากจนกระทั่งตกเป็นฝ่ายตามหลัง เมื่อ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ใช้สายตาอันคมกริบแทงคิลเลอร์ พาสให้ ซาลาห์ หลุดเข้าไปยกบอลด้วยขวาข้ามตัว ดีน เฮนเดอร์สัน
อย่างไรก็ตาม แผนการเล่นวันนี้ เห็นชัดว่าแบ็กสองฝั่งเติมขึ้นสูงจนทำให้มีช่องว่างง่ายแก่โดนการโจมตี และหลายครั้งที่ ยูไนเต็ด พยายามทำเกมบุกก็มีโอกาสเจาะเข้าไปถึงกรอบเขตโทษ
ตรงจุดนี้ แฟนหงส์หลายท่านคงเป็นกังวลสุดๆ กับการเห็นพื้นที่แนวรับหละหลวมขนาดนี้
และขณะที่ ลิเวอร์พูล เป็นฝ่ายได้ครองบอลบริเวณหน้าปากประตูของ ยูไนเต็ด ก็มาเสียบอลให้กับ ปอล ป็อกบา จากนั้นเจ้าถิ่นเล่นงานด้วยจังหวะเคาเตอร์ แอทแทค แรชฟอร์ด วางบอลทแยงมุมข้ามฝั่งให้ เมสัน กรีนวู้ด จับบอลลงแล้วซัดผ่านตัว อลีสซง เข้าไป
นี่คือความชัดเจนที่ว่า พื้นที่แบ็กของ ลิเวอร์พูล เปิดที่ว่างให้ถูกโจมตีมากเกินไป ซึ่งค่าราคาที่ต้องจ่ายนั้นก็คือการเสียประตู
จบ 45 นาทีแรก แม้ ลิเวอร์พูล ยังไม่เพลี่ยงพล้ำด้านสกอร์ แต่ความรู้สึกของแฟนบอลคืออยากให้มีอะไรเปลี่ยนมากให้เร็วที่สุดในช่วงครึ่งเวลาหลัง
การดันหลังขึ้นสูง(High Line) คืออีกหนึ่งราคาที่ต้องจ่าย เมื่อคุณเกิดเล่นผิดพลาดขึ้นมา
รีส วิลเลี่ยมส์ คือคนรับผิดชอบราคานี้แบบเต็มๆ หลังก่อนหน้านี้ช่วงครึ่งแรก การกระทำของเขายังไม่ถูกลงโทษ เขาสกัดพลาดจนบอลเลยไปถึง แรชฟอร์ด ก่อนที่จะยิงสวนตัว อลีสซง พา แมนยู พลิกแซงนำ 2-1
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ ลิเวอร์พูล เสียประตูลักษณะแบบนี้ โดยที่มี วิลเลี่ยมส์ เป็นตัวหลักของฉากเสียประตู ย้อนกลับไปรอบก่อนที่เจอ แอสตัน วิลล่า วิลเลี่ยมส์ ก็เสียเชิงให้เด็กอายุ 17 ปีอย่าง ลู แบร์รี่ มาแล้ว
เสียงเรียกร้องอยากได้เซนเตอร์แบ็กเข้ามามีเพิ่มขึ้นแน่นอน เมื่อเห็น วิลเลี่ยมส์ เล่นไม่เป็นโล้เป็นพายขนาดนี้
ซึ่งบางที ตำแหน่งตัวจริงในตอนนี้คงเร็วเกินไปสำหรับเขา
ขณะที่ดูเหมือนว่า เกมรุกของ ลิเวอร์พูล ดูตื้อตัน พวกเขาก็อาศัยความผิดพลาดของคู่แข่งเล่นงานคืนได้บ้าง ซาลาห์ เป็นคนปิดบัญชี โดยมี มิลเนอร์ และ ฟีร์มีโน่ เป็นตัวประสานงาน
ประตูของ ซาลาห์ ทำให้เขาเป็นนักเตะ ลิเวอร์พูล คนที่สองที่ทำสองประตูในเกมเดียวได้ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ต่อจาก สตีเว่น เจอร์ราร์ด เมื่อปี 2014 และยังเป็นคนแรกที่ทำสองประตูในศึก เอฟเอ คัพ ต่อจาก ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ที่ทำไว้ในรอบรองฯ ปี 1996 กับ แอสตัน วิลล่า
เมื่อทวงประตูตีเสมอ 2-2 ได้ คล็อปป์ ส่ง ซาดิโอ มาเน่ ลงแทน ไวนัลดุม ซึ่งแน่ชัดว่าเขาต้องการปิดบัญชีให้ได้ในเวลา 90 นาที
หากไม่นับลูกเสียประตูให้แก่ แรชฟอร์ด ลิเวอร์พูล ทำได้ดีขึ้นมากในช่วงครึ่งหลัง ทั้งแง่การครองบอล และการเข้าทำ
พวกเขาทำให้แนวรับแมนยู เจอความกดดันมากขึ้น และมีลูกผิดพลาดให้เห็นบ้างเล็กน้อย
ขณะเดียวกัน โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ก็ส่ง บรูโน่ แม่ทัพคนสำคัญลงมาประจำการในสนาม ซึ่งเหตุผลก็คงไม่ต่างจากที่ คล็อปป์ ส่ง มาเน่ เท่าไหร่นัก
แต่ดูเหมือนไพ่ของ โซลชา จะคือป็อก 9 ที่ทำให้เจ้าอย่าง แมนยู ได้เฮรอบสอง
15 นาทีสุดท้ายคือช่วงเวลาที่น่ากดดันที่สุด และมันก็เกิดขึ้นแบบนั้นจริงๆ
สกอร์ของ ลิเวอร์พูล กลับมาตามหลังอีกครั้งหลังลูกยิงฟรีคิกของ บรูโน่ แหวกอากาศเข้าไปกองในตาข่าย
คล็อปป์ หยิบไพ่สองใบสุดท้ายส่ง เซอร์ดาน ชากิรี่ และ ดิว็อค โอริกี้ ลงสนาม
แต่ก็ทำได้แค่นั่น ไพ่ของเขาไม่ใช่แต้มสูง หรือมากพอที่จะพลิกหน้ากระดานได้
จวบจนสุดท้าย สิ้นเสียงนกหวีดจากลมเป่าของผู้ตัดสิน ไม่มีเวทย์มนต์ หรือเทพีแห่งโชคใดๆ เข้าใกล้ ลิเวอร์พูล แม้แต่นิด
เป็นอีกครั้งที่ เอฟเอ คัพ กับ คล็อปป์ ไปสุดทางแค่รอบ 16 ทีมสุดท้าย
เป็นอีกครั้งที่ คล็อปป์ ไม่ชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด
และเป็นอีกครั้งที่ เอฟเอ คัพ กับ ลิเวอร์พูล เป็นเหมือนเส้นขนาน
ถึงจุดตกต่ำแล้วหรือยัง?!
หากถาม คล็อปป์ เขาคงตอบว่า “ไม่” แต่ เดอะ ค็อป บางรายก็คงมีคิดกันบ้าง
บอส เคยบอกว่า ในเมื่อสถานการณ์มันไม่สามารถทำให้คว้าใครเข้ามาเพิ่มได้ ผู้เล่นชุดนี้คือปัจจัยหลักที่จะแก้ปัญหา
หากอีก 7 วันหลังจากนี้ ไม่มีใครหน้าใหม่เข้ามาจริงๆ และปัญหายังไม่สามารถแก้ไขได้ในเร็ววัน เราคงได้ดู ลิเวอร์พูล ในแบบที่แปลกไปจากปีสองปีที่ผ่านมา หรือแบบชินตาก็ที่เกิดขึ้นในช่วง 5-6 นัดหลังสุด
ราคาที่ต้องจ่าย