ลิเวอร์พูล บุกกระซวกโหด คริสตัลพาเลซ แบบไม่มียั้งด้วยสกอร์ 7-0
ถือเป็นสกอร์ที่ออกมาขาดลอย และเป็นงานที่ง่ายดายเกินคาดสำหรับทีมแชมป์เก่าอย่าง “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ที่เกม พรีเมียร์ลีก นัดล่าสุดเมื่อคืนวันเสาร์ บุกไปกระซวก คริสตัล พาเลซ แบบไม่มียั้งด้วยสกอร์ 7-0 จากที่ครั้งที่แล้วทางเราได้เขียนบทความ เจาะ 5ประเด็นก่อนเกมลิเวอร์พูล พบคริสตัล พาเลซ 19ธ.ค.63 ซึ่งเป็นไปตามคาดของ ลิเวอร์พูล ที่สามารถทำแต้มชนะขาดลอย คริสตัลพาเลซ ไปได้ และวันนี้จะมาพูดถึง 8 ประเด็นที่น่าสนใจแบบเน้น ๆ จากเกมที่ เซลเฮิร์สท์ พาร์ค
ลิเวอร์พูล บุกกระซวกโหด คริสตัลพาเลซ แบบไม่มียั้งด้วยสกอร์ 7-0
– ประตูได้-เสียดีกว่าทุกทีม
ลิเวอร์พูล ออกสตาร์ทซีซั่น ด้วยการคว้าชัยรวด 3 เกมแรก พร้อมกับมีผลต่างประตูได้-เสียแบบสวย ๆ ที่ +5 แต่หลังจากบุกไปพ่าย แอสตัน วิลล่า แบบล็อกถล่มด้วยสกอร์ 2-7 ทำให้ผลต่างประตูได้-เสียกลับมาเป็น 0 ขณะที่ทีมอย่าง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์, เชลซี และ เลสเตอร์ ซิตี้ กลับเดินหน้าทำประตูอย่างเมามันส์ จน ลิเวอร์พูล ดูด้อยกว่าเพื่อน ในเรื่องของประตูได้และประตูเสีย ต่อให้ยังคงอยู่ในกลุ่มบนตารางก็ตาม แต่ ล่าสุดนี้ หลังจากที่กด พาเลซ ไป 7 เม็ด ทำให้ตอนนี้ “หงส์แดง” แซง สเปอร์ส ขึ้นมาเป็นทีมที่มีผลต่างประตู ได้-เสีย ที่ดีสุดในลีกเรียบร้อยที่ +17
– จริงๆ เกมอาจไม่ขาดแบบนี้
หากใครได้ชมเกมจะเห็นได้ว่า ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ 1-0 เร็วตั้งแต่นาทีที่ 3 แต่หลังจากนั้น พาเลซ เล่นได้ดีมาก โดยเฉพาะช่วงกลางครึ่งแรกที่มีลุ้นเสียว ๆ หลายครั้ง เน้น ๆ เลย คือช่วงนาทีที่ 23 ที่ จอร์แดน อายิว มีโอกาสได้พาบอลเดี่ยว ๆ เข้ากรอบเขตโทษ (ฟาบินโญ่ ดันพลาดท่าลื่นล้ม) และผ่านบอลเข้ากลางแบบเน้น ๆ แต่บอลดันย้อนหลัง วิลฟรีด ซาฮา ที่วิ่งมาโล่ง ๆ อย่างน่าเสียดาย ซึ่งนี่ถือเป็นโอกาสที่ดีมาก ๆ สำหรับ พาเลซ ในการลุ้นทำประตูตีเสมอ เพราะถ้าทำได้ เกมคงจะแตกต่างออกไป และก็อย่างที่รู้ ๆ กัน หลังจากนั้นพอ “หงส์แดง” เริ่มฟื้น พวกเขามาได้ประตู 2-0 จาก ซาดิโอ มาเน่ นาทีที่ 35 ต่อด้วย 3-0 ในนาทีที่ 44 จาก โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ทำเอาจากที่ยังได้ลุ้น กลายเป็นเกมขาดตั้งแต่จบครึ่งแรกซะงั้น
– มินามิโนะ & เฮนเดอร์สัน ปลดล็อค
ก่อนหน้านี้ ทาคุมิ มินามิโนะ ตัวรุกจอมพลิ้วทีมชาติญี่ปุ่น ทำประตูให้ลิเวอร์พูลไปแล้ว 3 ลูก นับตั้งแต่ย้ายมาจาก เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก ช่วงกลางซีซั่นที่แล้ว แต่ในเกม พรีเมียร์ลีก นั้น เจ้าตัวยังลั่นสกอร์ไม่ได้เลย จนกระทั่งมาถึงเกมนี้ (เกมที่ 18 ในลีก) ที่เจ้าตัวเปิดซิงประตูแรกเกมลีกภายใต้ยูนิฟอร์ม “หงส์แดง” ได้สำเร็จ ซึ่งเรียกความมั่นใจให้กับ ดาวเตะเลือดซามูไรวัย 25 ปี ได้ไม่น้อยเลยทีเดียว ขณะที่ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กองกลางกัปตันทีมคนเก่ง ก็เบิกสกอร์แรกในฤดูกาลนี้ให้กับตัวเองได้สำเร็จ (นัดที่ 16) ด้วยลูกยิงสุดสวยเป็นประตู 4-0 ในนาทีที่ 52
– ความบังเอิญของ มินามิโนะ
ถือเป็นเกร็ดเล็กๆ น้อยๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับความบังเอิญของ มินามิโนะ เพราะเจ้าตัวเซ็นสัญญากับ ลิเวอร์พูล เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2019 หลังจากนั้น 1 ปีเต็ม ๆ พอดิบพอดี เจ้าตัวก็มาทำประตูแรกในศึก พรีเมียร์ลีก ได้สำเร็จ
– ประตูเริ่มมาเรื่อยๆ สำหรับ “บ็อบบี้”
ก่อนหน้านี้ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ถูกมองว่าเป็นกองหน้าที่ทำประตูไม่ค่อยเป็น จนถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก แต่ดูเหมือนว่า ตอนนี้จิตวิญญาณแห่งจอมเพชฌฆาตได้กลับมาสิงร่าง ฟีร์มีโน่ อีกครั้ง เพราะจากที่ไร้สกอร์มา 6 เกมติด กลายเป็นว่า 2 เกมล่าสุด เจ้าตัวกระทุ้งไปแล้ว 3 ตุง ซึ่งนั่นก็คือ 2 ตุงจากเกมนี้ และลูกโขกประตูชัย 2-1 ในนาทีสุดท้าย เกมเปิดบ้านเชือด ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 2-1 เมื่อวันพุธ ซึ่งเหล่าสาวก “เดอะ ค็อป” ก็คงคาดหวังที่จะเห็น “บ็อบบี้” ทำสกอร์ได้อีกเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ตอนนี้ ดิโอโก้ โชต้า กำลังเจอปัญหาบาดเจ็บเล่นงาน
– มาเน่ กลับมาแล้ว
นอกจากเรื่องดีๆ ของ มินามิโนะ กับ ฟีร์มีโน่ แล้วก็มาถึงคิวของ มาเน่บ้าง เพราะเกมนี้เจ้าตัวทำประตูได้ ซึ่งถือเป็นการกลับมายิงในเกม พรีเมียร์ลีก ได้อีกครั้ง หลังจากที่ปืนฝืดยาวมา 8 นัดติด หรือนับตั้งแต่เกมเมอร์ซี่ย์ไซด์ดาร์บี้แมตช์ ที่ ลิเวอร์พูล บุกเจ๊า เอฟเวอร์ตัน 2-2 เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม
– ซาลาห์ ขึ้นนำเดี่ยวดาวซัลโว
แม้เริ่มต้นเกมด้วยการนั่งสำรอง แต่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ก็ถูกเปลี่ยนตัวลงมาแทน มาเน่ ในนาทีที่ 57 และจัดหนักทันทีด้วยการแอสซิสต์ให้ ฟีร์มีโน่ กดประตู 5-0 ก่อนเหมาทำคนเดียวสองตุงปิดท้าย ซึ่งสองประตูนี้ได้ส่งให้เจ้าตัวนำเดี่ยวในชาร์ตดาวซัลโว พรีเมียร์ลีก ด้วย ที่จำนวน 13 ประตู